ในยุคนั้น นาฬิกา Seiko 5 ถือเป็นรุ่นที่ขายดีมากที่สุดรุ่นหนึ่งของแบรนด์ จนต่อมาในปี 1968 มีการเปิดตัว “Seiko 5 Sports” โดยมีการปรับรูปลักษณ์ให้นาฬิกามีความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยขอบหมุนพร้อมสเกล 60 นาที และกันน้ำได้ 70 เมตร โดยมีการพัฒนาระดับการกันน้ำ จนถึง 100 เมตร ตามมาตรฐานนาฬิกาสปอร์ตในปัจจุบัน

สำหรับ All New Seiko 5 Sports 2019 มีการปรับโฉมให้ดูสปอร์ตมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ เปลี่ยนโลโก้ “5” เป็นแบบใหม่ ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวมากขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้

Sports Style 

เรียกว่าเป็นรุ่นมาตรฐาน มาพร้อมกับสายเหล็กและสายผ้าไนล่อน ให้อารมณ์สปอร์ตลุยๆ มีให้เลือกทั้งตัวเรือน Steel และ Hard coating PVD  มีหน้าปัดให้เลือก 11 แบบ

Suits Style 

เป็นรุ่นที่เพิ่มความรู้สึกคลาสสิค ด้วยการใช้สายเหล็ก “Milanese” และสายซิลิโคนลายเดียวกับสายเหล็ก มีให้เลือกทั้งตัวเรือน Steel และ Hard coating PVD  มีพรายน้ำสีเขียวและสีงาช้างให้อารมณ์วินเทจ และมีสีหน้าปัดให้เลือก 8 แบบ

Specialist Style 

เพิ่มความเคร่งขรึมและเป็นทางการให้กับนาฬิกาสปอร์ต ด้วยการนำแผ่นหนัง เย็บติดไปกับสายซิลิโคนสีดำ มีตัวเรือนให้เลือก 3 แบบ คือ Steel, Hard coating PVD, Gold Plated และมีหน้าปัดให้เลือกเพียงสีเดียวคือสีดำเท่านั้น 

Street Style 

ใส่ความเท่ ความทันสมัยเข้าไป ด้วยตัวเรือน Hard coating PVD หน้าปัดสีดำ สายไนล่อนสีดำ มีให้เลือก 3 แบบคือ พรายน้ำสีเทาเข้ม, พรายน้ำและตัวเลขบนขอบหน้าปัดสีฟ้า , พรายน้ำและตัวเเลขบนขอบหน้าปัดสีชมพู เรียกว่าทำมาให้กับชาว Street Fasion โดยเฉพาะ

Sense Style 

มีความพิเศษกว่ารุ่นอื่น ด้วยลวดลายนูนช่วยเพิ่มมิติให้หน้าปัดมากขึ้น สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึก มีให้เลือก 2 แบบ คือ หน้าปัดสีเขียวมาพร้อมกับสายผ้าไนล่อนสีเขียว และสีเบอร์กันดีมาพร้อมกับสายสีเบอร์กันดี กับตัวเรือน Hard coating PVD

นาฬิกา Seiko 5 Sports ทุกรุ่น ใช้วัสดุตัว Stainless Steel ขนาด 42.5mm หนา 13.4mm กระจกหน้าปัดแบบ Hardlex มาร์กเกอร์และเข็มหยอดสารเรืองแสง Lumibrite ขอบ Bazel พร้อม Diving Scale หมุนได้ทิศทางเดียว ฝาหลังขันเกลียวแบบโปร่งใส โชว์กลไก automatic  4R36 ความถี่ 21,600vph สำรองพลังงาน 41 ชั่วโมง สามารถขึ้นลานด้วยมือ และหยุดเข็มวินาที โดยมีฟังก์ชั่นบอก “วัน/วันที่” ตามคอนเซป Seiko 5 และกันน้ำ 100 เมตร